คลิปเหตุการณ์ ตร.สายสืบ สน.บางชัน ไล่ยิงรถนิสิตสาว จุฬาฯ พังยับ

ผลงานชิ้นแรก ศาลอาญาสั่งจำคุก 3 ตำรวจ สน.บางชัน คนละ 2 ปี จากคดียิงพลาดขณะล่อซื้อยาบ้า กระสุนถูกลูกชายผู้ต้องหาเสียชีวิต แต่จำเลยทำตามหน้าที่ จึงให้รอลงอาญา






วันนี้ (28 กรกฎาคม) ศาลอาญา พิพากษาจำคุกเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน 3 นาย ประกอบไปด้วย ดาบตำรวจพิพัฒน์ แสนอินทร์, จ่าสิบตำรวจ ภานุมาศ ชนะขำ และสิบตำรวจเอกอนุสรณ์ แท่นสุวรรณ เป็นเวลา 2 ปี ปรับคนละ 10,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี

          สืบเนื่องจากคดีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2546 จำเลยทั้งสามได้ทำการล่อซื้อยาเสพติดเพื่อเข้าจับกุม นายสถาพร และนางพรวิภา เกิดบุญเรือง สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดย่านสะพานขาว แต่นายสถาพร ได้ขับรถเตรียมหลบหนี จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงสกัด ปรากฏกระสุนพลาดไปถูกเด็กชายจักรพันธ์ ศรีสะอาด หรือน้องฟลุ๊ค ซึ่งนอนหลับอยู่บนเบาะหลัง ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

          ในการนี้ ศาลอาญาได้ตัดสินว่า การกระทำดังกล่าวของจำเลยถือว่าเป็นการทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ประกอบกับจำเลยไม่เห็นว่ามีเด็กอยู่ในรถ นอกจากนี้ จากการตรวจวิถีกระสุน พบว่าเป็นการยิงกดลงต่ำ ซึ่งแสดงถึงเจตนาสกัดกั้นการหลบหนี ไม่ได้ตั้งใจแต่อย่างใด จึงตัดสินโทษในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี


ต่อไปผลงานชิ้นล่าสุด

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอคลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



ดูหน้าตาแต่ละคนน้องเขาคงเปิดกระจกต้อนรับละคับ



จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ของสถานีตำรวจนครบาลบางชัน ไล่ยิงรถของ นางสาวอภีษฎา สัจพันโรจน์ อายุ 21 ปี  นิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ในวันนี้ พล.ต.อ.พงศ์พัฒน์ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รับผิดชอบงานด้านการปราบปราบยาเสพติด  ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งในภายหลังการประชุม พล.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ได้กล่าวขอโทษผู้เสียหายและขอรับผิดชอบการกระทำของผู้ใต้บังคับบัญชา โดยให้ชุดจับกุมรายงานชี้แจงข้อเท็จจริง และตั้งกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดทำงานด้วยความรอบคอบ และรัดกุมให้มากกว่านี้  โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงให้ย้ายตำรวจทั้ง 3 นายได้แก่ ด.ต.จำเนียร ขันแดง , ด.ต.รัศมี เทพฑา และพ.ต.ต.สุพจน์ โทเกษ์ ให้ไปช่วยราชการที่ สน.ประเวศ สน.อุดมสุข และสน.หัวหมาก โดยให้ปฎิบัติหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติด ส่วนค่าเสียหาย ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือสตช. ก็พร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ส่วนรถยนต์ที่ได้รับความเสียหาย ก็จะชดใช้โดยการเปลี่ยนให้ใหม่ เป็นรุ่นและสีเดียวกับคันเดิม


ด้านนางสาวอภีษฎา เปิดเผยว่า ขณะนี้ไม่ได้ติดใจกับเรื่องความเสียหายมาก แต่อยากให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความรัดกุมมมากกว่านี้ เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์รายอื่นอีก


ส่วน พ.ต.อ.สาโรจน์ ซุ่นทรัพย์ รองผบก.น.4 กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์เข้าใจผิด ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำเกินกว่าเหตุ ก็จะดำเนินการตามข้อเท็จจริง และตั้งกรรมการตรวจสอบต่อไป


ปล. เหตุการณนี้จไม่ใช่ครั้งแรก......และก็จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย.....
ครั้งแล้วครั้งเล่า..... ยิงวิศวะ ที่สกลนคร...  ยิงนักศึกษา ม.บูรพา...  และอีกหลายคดี เงียบหาย..
เราๆท่านๆที่อยู่ในสังคมผมบอกได้เลยว่าทุกคนมีโอกาสเท่าๆกันที่จะเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้
จะน่ากลัวที่สุดครับหากเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยจนสังคมเกิดความเคยชิน.....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาสังคม กฎหมายชาวบ้าน อุบัติเหตุบนท้องถนน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่